Com Mobile Games Download iPhone iPad Computer Notebook Netbook Software HardwareCom Mobile Games Download iPhone iPad Computer Notebook Netbook Software HardwareCom Mobile Games Download iPhone iPad Computer Notebook Netbook Software HardwareCom Mobile Games Download iPhone iPad Computer Notebook Netbook Software HardwareCom Mobile Games Download iPhone iPad Computer Notebook Netbook Software Hardware

Sunday, September 25, 2011

ข้อมูล รายละเอียด การเลือกซื้อ Samsung Galaxy Tab 10.1

ข้อมูล รายละเอียด การเลือกซื้อ Samsung Galaxy Tab 10.1
Samsung Galaxy Tab 10.1V - TabletD.com
http://www.tabletd.com/tablets/37/Samsung-Galaxy-Tab-10.1V
สเปคและรายละเอียดแท็บเล็ต Samsung Galaxy Tab 10.1V. ... ข้อมูล. มีข้อมูลแค่บางส่วนเท่านั้น. วางขายในไทย. ยังไม่วางขายในประเทศไทย. Size. ยาว x กว้าง x หนา ...

ข้อมูล รายละเอียด การเลือกซื้อ Samsung Galaxy Tab 10.1 กระแสแท็บเล็ตพีซีกำลังมาแรง หลายคนโพสถามซีผ่านทางทวิตเตอร์เข้ามาอย่างมากเกี่ยวกับเจ้า Samsung Galaxy Tab 10.1 ที่อยู่ในกระแสขณะนี้ ตอนนี้ซีได้เจ้าตัวนี้มาลองใช้แล้วค่ะ เลยจะมารีวิวเจ้าตัวนี้อย่างย่อๆว่าคุณจะเหมาะสมกับมันรึไม่

ก่อนอื่นเลยถ้ามีคนถามซีว่า Galaxy Tab 10.1 นิ้ว มีดียังไงและใครควรเป็นคนที่ใช้ ซีได้เหตุผลแรกที่คนจะเลือกรุ่นนี้คือ จอใหญ่ค่ะ ไม่ได้ตอบขวานผ่าซาก แต่เหตุผลของการจะซื้อแท็บเล็ตจอใหญ่ขึ้นคือ ไว้ดูหนังเต็มอิ่มขึ้น จอชัดจอใหญ่ ดูหนังในระดับ Full HD ลำโพงซ้ายขวาให้เสียงเซอร์ราวด์ เล่นไฟล์วิดิโอได้หลากหลายนามสกุลโดยที่ไม่ต้องแปลง เพราะฉะนั้นถ้าคนที่จะเลือกแท็บเล็ตขอเสนอวิธีคิดใหม่ในการเลือกซื้อคือ รู้ใจตัวเองก่อนจะใช้อะไรเยอะที่สุดแล้วตัวเลือกจะน้อยลงเองค่ะ



ส่วนเรื่องความบางความเบาของตัวเครื่อง ซีว่าไม่ต้องเน้นเยอะเพราะว่ารุ่นใหม่ๆจะแถมความเบาบางมาอยู่แล้ว อย่างเจ้า Galaxy Tab 10.1 บางแค่ 8.6 มิลลิเมตรเท่านั้น พอรู้ว่าไม่เน้นพกสะดวก เน้นดูชัดๆ ถัดมาที่ต้องคิดถึงคือ ระบบปฎิบัติการ(OS) คนที่ใช้ Gmail พอเจอระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จะรู้สึกว่าสะดวกมากๆ เพราะอย่างเครื่องนี้ แค่ใส่อีเมลล์ของ Gmail ของเราลงไปหลังจากนั้นมันจะดูดข้อมูลเบอร์โทร และอะไรต่ออะไรที่เรา Back up เอาไว้ขนมาให้หมดเหมือนบริการย้ายบ้านเลยค่ะ จึงไม่ต้องกลัวว่าข้อมูลจะหายเมื่อเครื่องหายหรือว่าต้องการเปลี่ยนเครื่องแต่ต้องการข้อมูลสำคัญเดิมๆของเรา ก็ยังคงอยู่ในแอคเค้า Gmail ของเราไม่หายไปไหนแน่นอน ส่วนการใช้งานเครื่องก็จะขึ้นอยู่กับแอพพลิเคชั่นที่ลง จะแก้งานเอกสาร เพื่อความบันเทิง ดูหนังฟังเพลง เล่นเกมส์ แอพพลิเคชั่นบนแอนดรอยด์ก็มีให้เลือกโหลดเยอะ นี่ก็เป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งของเจ้า Galaxy Tab10.1 ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่มีแอพพลิเคชั่นให้เลือกใช้หลากหลาย แอพใช้งานง่าย ส่วนมากก็จะใช้ได้ฟรีๆอีกด้วย

ส่วนการใส่ไฟล์เข้าเครื่องถ้าเพื่อนๆต้องการลากไฟล์จากคอมเข้าเครื่อง ก็เพียงแค่ต่อสายยูเอสบีที่แถมมากับตัวเครื่องต่อกับคอมพิวเตอร์ลากไฟล์เข้าเครื่องได้เลยไม่ยุ่งยาก ล่าสุดมีอุปกรณ์เสริมเป็นยูเอสบีคอนเน็คเตอร์เพื่อทำให้สามารถนำทรัมไดร์หรือแฟลชไดร์ที่เราใช้กันทั่วไป มาต่อเข้ากับเครื่องเพื่อโอนย้ายข้อมูลได้อย่างง่ายๆ ก็ตอบโจทย์เรื่องการใช้งานที่สะดวกสบายได้ดี

แต่สุดท้ายแล้วหลายๆคนเห็นแอพสนุกมีให้โหลดเยอะเยาะ แต่ก็อยากให้ทุกคนมองว่าเจ้าแท็บเล็ตตัวนี้เปรียบสเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวพกพาตัวหนึ่งมากกว่าเกมส์ ถ้าหากว่ามองว่ามันเป็นเกมส์แล้วนำไปให้คนอื่นยืม ข้อมูลส่วนตัวของคุณอาจจะรั่วไหลได้ค่ะ

ข้อมูล รายละเอียด การเลือกซื้อ Samsung Galaxy Tab 10.1
http://dailygizmo.tv/2011/09/25/samsung-galaxy-tab-10-1-เหมาะกับคุณหรือไม่/

รีวิว Samsung Galaxy Tab 10.1 : เบา บาง สวยงาม ตามสไตล์ Samsung ...
http://www.specphone.com/web/15032/รีวิว-samsung-galaxy-tab-10-1-เบา-บาง-สวยงาม-ต
รายละเอียดของ Samsung Galaxy Tab 10.1 ... สำหรับชุดที่เราได้มารีวิวนี้ประกอบด้วยเครื่อง Samsung Galaxy Tab 10.1 ,สาย USB ที่ใช้พอร์ทเฉพาะของ .... Social Hub นั้นเป็นการรวมข้อมูล Socia Network เเละอีเมล์ต่างๆ โดยเเบ่งเป็นสองหมวดคือ ...

Saturday, September 24, 2011

รายละเอียด ส่วนประกอบ ของโน๊ตบุ๊ค Notebook

รายละเอียด ส่วนประกอบ ของโน๊ตบุ๊ค Notebook
รายละเอียด ส่วนประกอบ ของโน๊ตบุ๊ค Notebook สำหรับหลายๆ คนที่กำลังจะเลือกซื้อ Notebook คงสับสนกับข้อมูลทางด้านเทคนิคที่แตกต่างกันของแต่ละยี่ห้อ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว เราจะเลือกซื้อ Notebook ด้วยวิธีการอย่างไร แล้วอะไรเป็นมาตราฐานในการเลือกซื้อ และความเหมาะสมควรเป็นอย่างไร ทั้งนี้ เพื่อให้เหมาะสมกับมูลค่าที่เราได้จ่ายเงินซื้อไป

- CPU - สมองของคอมพิวเตอร์ Centrino คือ ซีพียู ที่สร้างมาสำหรับ Notebook โดยเฉพาะ เน้นเรื่องการประหยัดพลังงาน ลดความร้อนของซีพียู ทำให้อายุการใช้งานนานขึ้น นอกจากนี้ยังได้รวมเทคโนโลยี wireless ใว้ในตัวเดียวกัน (ชื่อ Centrino ทาง Intel กำลังจะเปลี่ยนการเรียกชื่อนี้ และจำใช้ "Core" แทนการเรียก โดยมีการแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ Core i7 (ดีสุด) Core i5 (รองลงมา) และ Core i3 ตามลำดับ) สำหรับ CPU รุ่นอื่นๆ ของ Intel มีดังนี้
* Core 2 Duo ซีพียู 2 Core ที่ได้รับความนิยมมากในขณะนี้
* Celelon สำหรับชิบราคาถูก
* Pentium สำหรับคอมพิวเตอร์ทั่วไป
* Atom สำหรับชิบสำหรับ NetBook โดยเฉพาะ (CPU สำหรับเน้นการใช้งานแบบปกติ พิมพ์เอกสาร เช็คเมล เล่นเน็ต เท่านั้น)

- Harddisk - ศูนย์กลางการเก็บข้อมูลและที่กำลังเป็นที่นิยมคือ SSD (Sloid-State Drives) ใช้ iC Chip บันทึกแทน แบบจานหมุนแบบเก่าๆ แต่ความจุอาจยังไม่มากนัก ส่วนใหญ่ใช้กับ Netbook มากกว่า Notebook
- Memory - DDR สำหรับรุ่นที่แนะนำคือ DD2 ขึ้นไป และถ้าให้ให้เลือกรุ่น DD3 เลย แต่ราคายังสูงอยู่
- FingerPrint - Logon เข้าคอมพิวเตอร์ผ่านทางลายนิ้วมือ อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เริ่มใช้งานกันมากขึ้น
- Sound - Dolby Stereo ระบบเสียงที่ดีขึ้น ปัญหาที่เราพบกันบ่อยๆ คือ Notebook แบบเดิมๆ ส่วนใหญ่ที่มีพลังเสียงที่ค่อนข้างมีคุณภาพต่ำ เปิดเสียงดังมากไม่ได้
- แสงไฟส่องบนแป้นพิมพ์ - น้อยรุ่นนักที่จะได้พบเห็น แต่ก็มี Notebook หลายรุ่น หลายยี่ห้อที่มีการเพิ่มความสามารถนี้
- Card Reader - สำหรับอ่าน memory card ประเภทต่างๆ จากโทรศัพท์มือถือ หรือกล้องดิจิตอล
- Touch Sceen - หน้าจอแบบสัมผัส อีกหนึ่งความล้ำหน้าที่นำมาสู่ Notebook
- WebCam - ไม่มีไม่ได้แล้ว สำหรับนักท่องเน็ต ทำให้สามารถเห็นหน้าเห็นตา โดยเฉพาะใช้รวมกับ Skype หรือ IM อื่นๆ ?รวมทั้งใช้เป็นกล้องถ่ายรูปของตัวเองได้ด้วย
- Wireless - สำหรับเชื่อมต่อระบบเครือข่ายแบบไร้สาย รองรับ IEEE 802.11 B, G และถ้าดีสุดในตอนนี้ต้องเป็น IEEE 802.11 N
- BlueTooth - สำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมทั้งเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือเพื่อโอนถ่ายข้อมูล
- Modem - อุปกรณ์สำหรับการเชื่อมต่อผ่านทางสายโทรศัพท์ สำหรับการโทร หรือการรับส่งแฟ๊กซ์
- DVD Writer - สำหรับการบันทึกแผ่นลง CD/DVD หรือจะเป็นประเภท Blue-Ray ซึ่งมีความจุได้มากถึง 27 GB

นอกจากนี้ การเลือกซื้อ Notebook อีกอย่างที่สำคัญมากๆ คือ น้ำหนัก ถ้าต้องการให้น้ำหนักเบาก็ควรมีหน้าจอขนาดเล็ก ประมาณไม่เกิน 13 นิ้ว (น้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม)

รายละเอียด ส่วนประกอบ ของโน๊ตบุ๊ค Notebook
http://www.it-guides.com/index.php/buying-guide/545-notebook-technology-update
http://www.toplaza.com/_notebook-hp

Monday, September 19, 2011

Freeware Download 2011 ลิงค์ดาวน์โหลดฟรีแวร์

Freeware Download 2011 ลิงค์ดาวน์โหลดฟรีแวร์
Freeware Download 2011
ลิงค์ดาวน์โหลดฟรีแวร์


1) CPU, Hardware & Memory testing tools
- CPUID - http://www.cpuid.com/
- CoreTemp - http://www.alcpu.com/CoreTemp/
- Disk Benchmark - http://www.attotech.com/products/product.php?sku=Disk_Benchmark
- GPU-Z - http://www.techpowerup.com/gpuz/
- HWiNFO/32/64 Tools (Professional System Information and Diagnostics) - http://www.hwinfo.com/
- IntelBurn Test - http://majorgeeks.com/IntelBurnTest_d5987.html
- Memtest86 - http://www.memtest.org/
- Prime95 - http://www.mersenne.org/
- RealTemp - http://www.techpowerup.com/realtemp/
- SIW-System Information for Windows - http://www.gtopala.com/

2) Extraction and Compression
- 7zip - http://www.7-zip.org/
- ExtractNow - http://www.extractnow.com/
- HaoZip - http://www.haozip.com/Eng/index_en.htm
- IZArc - http://www.izarc.org/
- PeaZip - http://www.peazip.org/
- Universal Extractor - http://legroom.net/software/uniextract
- Winrar - http://www.win-rar.com/download.html

3) Browsers
- Avant Browser - http://www.avantbrowser.com/default.aspx?uil=en-US
- Firefox - http://www.mozilla.com/en-US/firefox/new/
- Mozbackup - http://mozbackup.jasnapaka.com/
- Google Chrome - http://www.google.com/chrome/index.html?hl=en&brand=CHMA&utm_campaign=en&utm_source=en-ha-na-us-bk&utm_medium=ha
- kylo - http://kylo.tv/
- Opera - http://www.opera.com/
- RockMelt (beta) - http://www.rockmelt.com/
- Safari for PC - http://www.apple.com/safari/
- SpaceTime-3D Browser/search - http://www.spacetime.com/home.php
- SRWare Iron - http://www.srware.net/en/software_srware_iron.php

3.1) RSS readers
- FeedDemon - http://www.feeddemon.com/

4) CD/DVD Burning & Tools
- bitRipper (DVD to AVI) - http://www.bitripper.com/
- CDBurnerXP - http://cdburnerxp.se/
- BurnAware Free - http://www.burnaware.com/burnaware_free.html
- DeepBurner - http://www.deepburner.com/index.php
- DVDShrink - http://www.dvdshrink.org/
- Free Easy CD DVD Burner - http://www.koyotesoft.com/indexEn.html
- Free ISO Burner - http://www.freeisoburner.com/
- ImgBurn - http://www.imgburn.com/
- Infra Recorder - http://infrarecorder.org/
- Nero Kwik Media - http://www.nero.com/enu/downloads-nbl-free.php

5) Codec packs
- CCCP - http://www.cccp-project.net/wiki/index.php?title=Main_Page
- K-Lite Codec pack - http://www.codecguide.com/download_kl.htm
- Shark007 - http://shark007.net/win7codecs.html

6) Anti-Virus/Security
- Avast Free AV - http://www.avast.com/free-antivirus-download
- AVG Free - http://www.cnet.com/1770-5_1-0.html?query=AVG+Free&tag=srch
- Avira Free - http://www.avira.com/en/avira-free-antivirus
- Comodo - http://personalfirewall.comodo.com/free-download.html
- Microsoft Security Essentials - http://www.microsoft.com/en-ca/security_essentials/default.aspx
- Panda USB Vaccine - (USB anti-malware) http://www.pandasecurity.com/homeusers/downloads/clients/
- SpywareBlaster - http://www.javacoolsoftware.com/
- Sandboxie - http://www.sandboxie.com/index.php?DownloadSandboxie
- ZoneAlarm Free Firewall - http://www.zonealarm.com/security/en-us/zonealarm-pc-security-free-firewall.htm

7) Data & File Recovery
- Recuva - http://www.piriform.com/recuva/features
- Mini-Tool - http://www.powerdatarecovery.com/
- EASEUS - http://www.easeus.com/product.htm
- PC Inspector - http://www.pcinspector.de/default.htm?language=1
- TestDisc - http://www.cgsecurity.org/wiki/TestDisk_Download
- PhotoRec - http://www.cgsecurity.org/wiki/PhotoRec
- Restoration - http://www.aumha.org/a/recover.php

8.) Encryption
- TrueCrypt - http://www.truecrypt.org/downloads
- AxCrypt - http://www.axantum.com/axcrypt/
- dsCrypt - http://members.ozemail.com.au/%7Enulifetv/freezip/freeware/
- Pismo File Mount - http://www.pismotechnic.com/pfm/ap/

9) Audio
- Audacity - http://audacity.sourceforge.net/
- EAC-Exact Audio Copy - http://www.exactaudiocopy.de/
- Power Sound Editor Free - http://www.free-sound-editor.com/
- Rename Master - http://www.joejoesoft.com/cms/showpage.php?cid=108
- Songbird - http://getsongbird.com/product/

10) File transfer & sharing
- eMule - http://www.emule-project.net/home/perl/general.cgi?l=1
- Free Download Manager - http://www.freedownloadmanager.org/
- JDownloader - http://jdownloader.org/
- Live SkyDrive-(25GB Windows cloud file share) - http://windows.microsoft.com/en-us/windows7/introducing-skydrive-password-protected-online-file-storage
- Mipony-download manager - http://www.mipony.net/
- PeerBlock - http://www.peerblock.com/
- Shareaza - http://shareaza.sourceforge.net/
- Tixati - (+1) http://www.tixati.com/
- uTorrent - http://www.utorrent.com/
- Vuze - http://www.vuze.com/

10.1) FTP Clients
- FileZilla - http://filezilla-project.org/
- PuTTY - http://www.chiark.greenend.org.uk/~sgtatham/putty/
- WinSCP - http://winscp.net/eng/docs/introduction

Freeware Download 2011 ลิงค์ดาวน์โหลดฟรีแวร์
http://hitech.sanook.com/รวมลิงค์-freeware-ที่เป็นที่สุดของปี-2011-941552.html

Sunday, September 18, 2011

ขั้นตอน ทำความสะอาดโน้ตบุ๊ค Clean Notebook

ขั้นตอน ทำความสะอาดโน้ตบุ๊ค Clean Notebook ขั้นตอน ทำความสะอาดโน้ตบุ๊ค Clean Notebook
ขั้นตอน ทำความสะอาดโน้ตบุ๊ค Clean Notebook ก่อนอื่นมาเตรียมอุปกรณ์กันก่อน เครื่องมือในการทำความสะอาดประกอบด้วย

- กระป๋อง หรือ ถ้วยขนาดเล็ก (ใช้สำหรับผสมน้ำยา)
- กระดาษเช็ดหน้า (ขอแนะนำให้ใช้ คลีเน็กซ์ อัลตรา ซอฟท์ … เท่าที่ลองมา คลีเน็ก รุ่นนี้ดีที่สุด)
- แปรงทาสีขนาด 3/4 นิ้ว (เลือกใช้แปรงที่ขนไม่ร่วงนะครับ) ถ้าหาซื้อไม่ได้ใช้แปรงสีฟันเก่าก็ได้ ^^”
- ลูกยางเป่าลม (ถ้าหาไม่ได้สามารถใช้ลมกระป๋องแทนได้ .. แต่ต้องฉีดห่างๆ เพื่อลดแรงลม)
- ผ้า Duster Cloth ของ 3M (ใช้สำหรับกรณีที่มีฝุ่นจับมากเป็นพิเศษ) หาซื้อได้ตาม โลตัส บิ๊กซี
- ผ้าไมโครไฟเบอร์ ของ 3M (อันนี้จำเป็นมาก หาซื้อได้ทั่วไปตามโลตัส บิ๊กซี ราคาไม่เกิน 100 บาท)
- น้ำยาเช็ดคอม Touche Klean (มีขายทั่วไปตามร้านคอมฯ)

ขั้นตอนในการทำความสะอาด
ขั้นตอนที่ 1 : ปัดฝุ่น

กรณีที่โน้ตบุ๊คมีฝุ่นจับมากเป็นพิเศษ(พาโน้ตบุ๊คไปลุยแรลลี่ดั๊กก้ามา ให้ใช้ผ้า Duster Cloth ของ 3M เช็ดให้ทั่วตัวโน้ตบุ๊ค ส่วนฝุ่นที่ติดอยู่ที่จอให้ใช้ผ้า Duster Cloth ปัดออก ปัดนะ อย่าเช็ด! โน้ตบุ๊คที่มีฝุ่นจับไม่มาก ให้ใช้ลูกยางเป่าลม เป่าฝุ่นตามคีย์บอร์ด จอ และซอกหลืบต่างๆ ทีนี้จะมีฝุ่นบางกลุ่มหน้าด้านเกาะไม่ยอมหลุด ให้ใช้แปรงทาสีปัด แคะ เขี่ย ฝุ่นที่ติดตามซอกหลืบและร่องต่างๆ แล้วเป่าลมซ้ำอีกครั้งด้วยลูกยางเป่าลม .. เท่านี้ฝุ่นก็กระจุยออกไปหมดแล้ว (รูปขวาสุด ไม่เห็นฝุ่นในร่องไอคอนสถานะอีกแล้ว นี่ถ้าไม่ได้ใช้แปรงปัด ฝุ่นไม่หลุดแน่นอน)

จอ LCD ที่มีคราบนิ้วมือ คราบมันต่างๆ ให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดคราบออก(เช็ดเบาๆ อย่าออกแรงกด) ถ้าเช็ดไม่ออกจริงๆ ให้ใช้กระดาษเช็ดหน้าชุบน้ำ(บิดให้หมาดที่สุด)ถูกบริเวณคราบเบาๆ และเช็ดคราบน้ำ ออกด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์อีกครั้ง (ห้ามใช้น้ำยาเด็ดขาด .. จอด่างขึ้นมาไม่รู้ด้วยนะ)

ขั้นตอนที่ 2 : เช็ดคราบสกปรก

ใช้กระดาษเช็ดหน้าชุบน้ำ(บิดหมาดๆ) เช็ดให้ทั่วตัวโน้ตบุ๊ค เช่น บริเวณแป้นวางมือ(บริเวณที่สกปรกที่สุด) คีย์บอร์ด ขอบจอ หลังจอ ระหว่างเช็ดสังเกตด้วยนะ ถ้ากระดาษเช็ดหน้าเริ่มยุ่ยให้เปลี่ยนกระดาษ เพราะไม่อย่างนั้นเศษกระดาษอาจหลุดลงไปในร่องคีย์บอร์ด ซวยเลย ขอย้ำอีกครั้ง ว่าใช้ให้ กระดาษเช็ดหน้าคลีเน็กซ์ อัลตรา ซอฟท์ … รุ่นนี้ เหนียว นุ่ม ไม่ยุ่ยง่ายๆ ยี่ห้ออื่นหยาบเกินไปอาจทำให้โน้ตบุ๊คเป็นรอยขนแมวได้ .. เด๋วโน้ตบุ๊คจะหมดสวยกันพอดี

ขั้นตอนที่ 3 : เช็ดคราบสกปรกที่ขั้นตอนที่แล้วเช็ดไม่ออก

จากขั้นตอนที่แล้ว กระดาษเช็ดหน้าจะขจัดคราบสกปรกออกได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ยังมีคราบสกปรกที่มองไม่เห็นติดอยู่พอสมควร .. ต้องใช้ตัวช่วย!!นี่ .. ตัวช่วย! น้ำยาเช็ดคอม Touche Klean (หาซื้อได้ทั่วไปเช่นกัน)

วิธีใช้น้ำยานี้ก็ง่ายๆ
แต่ห้ามใช้น้ำยา Touche Klean กับโน้ตบุ๊คโดยตรง เพราะจะทำให้โน้ตบุ๊คมีคราบเหลืองหรือเปลี่ยนสีได้ของอย่างนี้มีองค์ และมีขั้นตอน ยังไงมาดูกัน

กระป๋อง หรือ ถ้วยขนาดเล็ก ที่ให้เตรียมไว้ตั้งแต่ตอนแรกก็เพื่อการนี้แหละ งานนี้ใช้ก้นกระป๋องเป็นที่ผสมน้ำยาครับ อิๆ ไฮโซซะไม่มี ก่อนอื่นเทน้ำยา ลงประมาณ 7 – 8 หยด เติมน้ำเปล่าลงไป 1/4 ของฝาเหล้า คนให้เข้ากัน งงมั๊ย?? เอาเป็นว่าผสมน้ำยา Touche Klean กับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 เป็นอย่างน้อย แต่ปกติแล้วผมจะผสมที่อัตราส่วน 1 : 2 หรือไม่ก็ 1 : 3 (ขึ้นอยู่กับความโสโครก ถ้าโสฯมาก 1:1 โลด) หลังจากผสม กวนๆ น้ำยากับน้ำเข้ากันแล้ว ไปดูขั้นตอนต่อไปกัน

ขั้นตอนที่ 4 : สกปรกอย่าอยู่เลย

กระดาษเช็ดหน้าชุบน้ำยาที่ผสมแล้วบิดหมาดๆ เช็ดให้ทั่วบอดี้โน้ตบุ๊ค(จอไม่ต้องเช็ด) บนแป้นวางมือ หลังจอ ขอบจอ เช็ดให้หมด … ถูๆ ด้วย คราบสกปรกจะได้หลุดออกมาเร็วขึ้น สำหรับคีย์บอร์ดให้ม้วนกระดาษเช็ดหน้าให้เล็กลง ค่อยๆ เช็ดไปทีละปุ่ม หรือจะใช้คัตตอนบัดเช็ดก็ได้ ถ้ากระดาษเช็ดหน้าเริ่มยุ่ยให้เปลี่ยนกระดาษ เพราะไม่อย่างนั้นเศษกระดาษอาจหลุดลงไปในร่องคีย์บอร์ดได้ ซวยเลย เตือนเป็นครั้งที่ 2 แล้วนะพลิกกระดาษเช็ดหน้าขึ้นดู … กระดาษดำป่ะ? ยังไม่เสร็จ นะ … มีอีกขั้นตอนนึง

ขั้นตอนที่ 5 : ซ้ำชั้นตอนที่ 2

ใช้กระดาษเช็ดหน้าชุบน้ำ(บิดหมาดๆ)เช็ดให้ทั่วตัวโน้ตบุ๊ค ที่ต้องเช็ดด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง ก็เพื่อล้างคราบน้ำยาที่ติดอยู่ที่ตัวโน้ตบุ๊คออกนั่นแหละ … เช็ดซ้ำทุกส่วนที่เช็ดน้ำยาลงไป เสร็จแล้วก็ใช้กระดาษเช็ดหน้าแห้งๆ เช็ดคราบน้ำออก … เป็นอันเสร็จพิธี … เสร็จสิ้นวิธีทำความสะอาดโน้ตบุ๊ค รับรองสะอาดน่าใช้ขึ้นเป็นกอง อ้อ ด้านล่างของโน้ตบุ๊ค ใช้แค่กระดาษเช็ดหน้าชุบน้ำเช็ดออกก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าจะใช้น้ำยาด้วยก็ไม่ว่ากัน .. แต่บิดกระดาษให้หมาดที่สุดนะ ด้านล่างช่องมันเยอะ ถ้าโน้ตบุ๊คไม่มีวอยด์ เปิดฝาออกมาเป่าฝุ่นหน่อยก็ดี

คำแนะนำอื่นๆ

สติกเกอร์ Spec เครื่อง, โลโก้ Centrino หรือแม้แต่โลโก้ Windows XP ใช้ไปสักพักสติ๊กเกอร์พวกนี้สีซีด สีหลุด หรือไม่ก็ลอกออกทั้งแผ่น พอแกะสติ๊กเกอร์พวกนี้ออกก็สายไปแล้ว! เพราะทิ้งไว้นานๆ สีที่อยู่ใต้สติ๊กเกอร์เข้มกว่าสีบริเวณที่ไม่สติ๊กเกอร์ ไม่แกะออกก็ไม่สวย .. แกะออกก็ยิ่งไม่สวย .. โน้ตบุ๊คจะหมดสวยเพราะสติ๊กเกอร์พวกนี้แหละ เป็นไปได้สติ๊กเกอร์อันไหนที่ไม่มีผลต่อประกันให้แกะออกให้หมดเลย ดูเครื่องผมละกัน แกะออกเกลี้ยงเลย ^^” … vaio ผมก็แกะออกเหมือนกัน

จบแล้ว หมดทิปแล้ว ขอบคุณที่ติดตามครับ by pod
ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ : www.notebookspec.com
http://hitech.sanook.com/5-ขั้นตอน-ทำโน้ตบุ๊คให้สะอาด-941656.html

Thursday, September 15, 2011

อาการบอกว่าคุณเป็นโรคติด Facebook

อาการบอกว่าคุณเป็นโรคติด Facebook อาการบอกว่าคุณเป็นโรคติด Facebook
5 อาการ บ่งบอกว่าคุณเป็นโรคติด Facebook ขั้นรุนแรง ต้องยอมรับเลยว่าปัจจุบัน Facebook เข้ามามีส่วนสำคัญของสังคมเราไปซะแล้ว เพราะไมว่าจะถามใครๆ ไม่ว่าจะเด็กจนถึงผู้ใหญ่ก็มี Facebook กันเกือบทุกคน เพราะประโยชน์ของมันไม่ได้ใช้แค่การคุยเล่นกันเท่านั้น แต่ยังสามารถทำอะไรได้อีกตั้งหลายอย่าง แต่จะมีใครทราบมั้ยว่าตัวเอง หรือคนข้างๆ คุณมีใครที่เป็นโรค Facebook Addict หรือโรคติด Facebookขั้นรุนแรง มาดูกันครับว่าคุณมีอาการเหล่านี้มั้ย

1. นั่งวิตกจริตว่าทำไมเขาถึงไม่ส่งข้อความกลับมาหาคุณ
นี่เป็นอาการเริ่มต้นของโรคติด Facebook เลยครับ คือการนั่งรอคอยให้มีคนมาตอบคอมเม้นท์ของคุณหรือยัง โดยนั่งเฝ้าแต่ Facebook นั่งกด F5 ไปเรื่อยๆ จนคุณไม่เป็นอันทำอะไร เดี๋ยวก็มานั่งดูแต่ Facebook

2. ใช้เวลาอยู่กับ Facebook มากกว่า 1 ชม. ต่อวัน
การใช้งาน Facebook เกิน 1 ถึง 2 ชั่วโมงต่อวันถือว่ามากเกินไปครับ สำหรับคนทั่วไป ไม่รวมคนที่ใช้ Facebook ในการทำงานนะครับ

3. เกิดอาการสับสนระหว่างชีวิตจริง กับ Facebook
จากที่คุณอ่านข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานะ หรีอคอมเมนท์ของคนต่างๆ มากไป ทั้งที่เรื่องนั้นๆ เป็นทั้งเรื่องจริง และไม่จริง แต่คุณเริ่มไม่สามารถแยกแยะได้ว่าโลกแห่งความจริง กับโลกออนไลน์นั้นมันคนละอันกัน และเก็บเรื่องนั้นๆ มาเป็นอารมณ์ของตนเอง

4. เป็นพวกชอบโชว์ ชอบอวดอ้างตัวเอง
คนบางคนชอบใช้ Facebook เป็นเครื่องโอ้อวดตัวเอง หรือเป็นที่โชว์อีโก้ของตัวเอง เพื่อโชว์พาว ซึ่งอาจเป็นปัญหาด้านปมด้อยของตัวเองในสังคมจริงโดยการมีเพื่อนให้มากๆ สร้างข้อมูลส่วนตัวของตัวเองให้หรูหราเกินจริง หรือมีอะไรก็อัพเดตสถานะตัวเองตลอดเวลา (เคยถามเพื่อนๆ ของคุณมั้ยครับ ว่าเขาอยากรู้กับคุณด้วยหรือเปล่า)

5. รู้สึกกระวนกระวายใจถ้าไม่ได้เล่น Facebook
เหมือนกับคนติดยาเมื่อไม่ได้เสพ Facebook ต้องคอยหาอุปกรณ์มาเปิดดูสถานะล่าสุดตลอดเวลา และจะรู้สึกโมโห, หงุดหงิด, หรือซึมเศร้า เมื่อไม่ได้เล่น Facebook

อาการบอกว่าคุณเป็นโรคติด Facebook
http://hitech.sanook.com/5-อาการ-บ่งบอกว่าคุณเป็นโรคติด-facebook-ขั้นรุนแรง-941585.html

Monday, September 12, 2011

เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S กับ Galaxy SL (Galaxy S Super Clear LCD)

Samsung Galaxy S และ Galaxy SL (หรือในเมืองไทยใช้ชื่อว่า Galaxy S Super Clear LCD) จะมีรูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกัน เราจึงนำทั้งสองเครื่องมาเปรียบเทียบกัน

ตั้งแต่ทาง Samsung เปิดรับจอง Samsung Galaxy SL (I9003) หรือในเมืองไทยใช้ชื่อการตลาดว่า Samsung Galaxy S Super Clear LCD ในงาน Thailand Mobile Expo 2011 มีข้อมูลและสเปคออกมาในช่วงแรกที่ค่อนข้างสับสน เพราะในต่างประเทศเพิ่งมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปไม่นาน และหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับ Galaxy S (I9000) MXPhone จึงของนำเครื่องตัวเป็นๆ มาเปรียบเทียบกัน เพื่อเป็นข้อสังเกตในการเลือกซื้อ หรือตัดสินใจในการซื้อมาใช้ โดยภาพทั้งหมด Galaxy S จะอยู่ด้านซ้าย และ Galaxy SL จะอยู่ด้านขวา

1. รูปร่างภายนอก
ทั้งสองเครื่องมีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมา แต่ Galaxy S นั้นมีขนาด 121.44 x 64.20 x 9.90 มม. หนัก 118 กรัม ส่วน Galaxy SL มีขนาด 123.70 x 64.20 x 10.59 มม. หนัก 131 กรัม ตัว Galaxy SL มีความหนาและน้ำหนักมากกว่าเล็กน้อย

ส่วนรูปร่างภายนอกนั้น ตัว S จะมีขอบระหว่างจอแสดงผลและตัวเครื่องบางกว่า Galaxy SL ส่วนนอกนั้นไม่มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด

ทางด้านฝาหลัง ตัว Galaxy S จะมีคำว่า With Google สกรีนอยู่กลางฝาหลัง แต่ Galaxy SL ไม่มีครับ

เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S กับ Galaxy SL (Galaxy S Super Clear LCD) เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S กับ Galaxy SL (Galaxy S Super Clear LCD)
(ซ้าย : Galaxy S, ขวา : Galaxy SL)

2. จอแสดงผล
Galaxy S ใช้จอแสดงผลแบบ Super AMOLED 16.7 ล้านสี ความละเอียด 800 x 480 พิกเซล ส่วน Galaxy SL ใช้จอแสดงผลแบบ Super Clear LCD 16.7 ล้านสี ในความเห็นส่วนตัวของผม มองว่า Super AMOLED ให้สีที่สด ออกโทนสีฟ้า แต่ Super Clear LCD ให้ภาพที่ดูคมชัด แต่สีค่อนข้างไม่สด และแสงสว่างจอเมื่อจอแสดงภาพสีดำยังสว่างอยู่มาก

3. CPU และ GPU
Galaxy S ใช้ CPU ของ ARM Cortex A8 Hummingbird 1GHz ส่วน Galaxy SL ใช้ CPU ของ Cortex A8 TI OMAP 3630 1GHz ซึ่งตัว Galaxy S ใช้สเปค CPU สูงกว่า การใช้งานหนักๆ จะเห็นผลพอสมควรว่า Galaxy S เร็วและการตอบสนองเร็วกว่าเช่นกัน ส่วน Chipset การประมวลผลกราฟฟิค ตัว Galaxy S ใช้ PowerVR SGX540 ส่วน Galaxy SL ใช้ PowerVR SGX530 ซึ่งการประมวลผล Polygon ให้ Galaxy S แสดงผลดีกว่า และเร็วกว่า Galaxy SL ประมาณ 5 เท่า

4. แบตเตอรี่
Galaxy S มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 1,500mAh ส่วน Galaxy SL 1,650mAh แตกต่างกันเพียง 150mAh ซึ่งแทบไม่มีผลต่อการใช้งานจริงเท่าไหร่

5. หน่วยความจำภายใน
แรกเริ่มเดิมที ทาง Samsung จะผลิต Galaxy SL ขนาด 16GB แต่เนื่องจากการทำการตลาดในราคาล่างนั้น ต้องลดสเปคหน่วยความจำลงเหลือเพียง 4GB (ในกล่องจะแถม microSD เพิ่มอีก 2GB) ส่วนตอนนี้ Galaxy S มีจำหน่ายรุ่นเดียวเท่านั้น คือ 16GB แต่ทั้งสองรุ่นใส่หน่วยความจำแบบ microSD สูงสุดถึง 32GB

6. ราคา
Galaxy S 16GB เปิดราคาใหม่ที่ 17,900 บาท (ราคาเครื่องที่มาบุญครองตามร้านค้าส่งอยู่ที่ 15,900 - 16,900 บาท) ส่วน Galaxy SL วางจำหน่ายในราคา 13,900 บาท

ซื้อตัวไหนดี???
หากชื่นชอบความคมชัดและความสดสว่างของหน้าจอ รวมถึงสเปค CPU, GPU ที่แรงกว่า แต่ต้องแลกกับงบประมาณที่เพิ่มขึ้นขึ้นประมาณ 2,000 - 4,000 บาท หากไม่มีปัญหาเรื่องงบ จัด Galaxy S ไปเลยครับ แต่หากชื่นชอบหน้าจอที่คมชัด เสมือนจริง และไม่ได้ใช้งานถึงขนาด Advance User รวมถึงมีงบที่จำกัด เลือก Galaxy SL เลยครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น หากมีเวลามากพอ ลองไปเล่นเครื่องจริงได้ตามร้านค้าชั้นนำได้ จะทำให้รู้ว่าเครื่องรุ่นไหนเหมาะสมกับคุณจริง

http://www.mxphone.com/article/9187/Samsung-Galaxy-S-Galaxy-SL-Galaxy-S-Super-Clear-LCD

Thursday, September 8, 2011

ซื้อไอโฟน iPhone เลือกค่ายไหนดี AIS Dtac TrueMove

ซื้อไอโฟน iPhone เลือกค่ายไหนดี AIS Dtac TrueMove ซื้อไอโฟน iPhone เลือกค่ายไหนดี AIS Dtac TrueMove
AIS
ค่าบริการรายเดือนที่เริ่มต้นถูกที่สุดคือ 275 บาท/เดือนของ AIS ครับแต่ต้องใช้ยาวถึง 24 รอบบิล 2 ปีเต็ม โดยจะไม่เสียค่าบริการใน 6 รอบบิลสุดท้ายแต่พอราคาเพิ่มขึ้นมาเป็นแพ็จเก็จ 519/839 จะฟรีแค่ 4 รอบบิลอ้าวไหงเป็นงั้นล่ะ อาจจะเพราะเอาใจลูกค้าใหม่ๆหรือลูกค้าที่ไม่อยากจ่ายรายเดือนแพงเพราะมีคน บอกว่า AIS แพงกว่าชาวบ้าานทุกทีเลยแต่คราวนี้ไม่ใช่แฮะ

DTAC
ค่าบริการรายเดือนใช้ internet EDGE แบบไม่จำกัดและราคาไม่แพงจนเกินไปเหมาะสำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัดได้ใช้กัน คือ Dtac ครับเพราะไม่ต้องแคร์ว่าแถวบ้านจะมี 3G ให้ใช้หรือยังแถมต่างจังหวัดเท่าที่ผมวัดความเร็ว Dtac EDGE ดูค่อนข้างโอเคครับความเร็วประมาณ 200K+++ ส่วนฟรีรอบบิลหลัง Dtac จะสลับกับ AIS คือ แพ็จเก็จจ่ายน้อยฟรีรอบบิลหลังแค่ 3 เดือนครับ

TRUE
ค่าบริการคุ้มค่าสำหรับคน กทม ผมว่าตอนนี้ยังไงก็หนีไม่พ้น TRUE ครับต้องยอมรับจริงๆเพราะเป็นเจ้าเดียวที่มี 3G ให้ได้ใช้แบบเต็มรูปแบบถึงแม้ความเร็วจะค่อนข้างแกว่งในบางพื้นที่แต่ถือว่า ค่อนข้างครอบคลุมเลยทีเดียวและยังมีโปรโมชั่นพิเศษที่สำหรับคนซื้อเครื่อง เปล่าค่ายอื่นที่จะมาซบอก TRUE เพื่ออยากจะใช้ 3G unlimit ก็ทำได้เช่นกันส่วนแพ็จเก็จฟรีรอบบิลหลังเท่ากันทุกราคาคือ ฟรี 6 รอบบิลหลังเว้นแต่คนที่ซื้อเครื่องเปล่ากับค่ายอื่นมาจะไม่ได้ในส่วนนี้ครับ

ทางเว็บ ได้ความคิดเห็นไว้ดังนี้
ในเมื่อตัวเครื่อง iPhone 4 ถูกผลิตและส่งมาจาก Apple เหมือนกัน และต้องขายราคาเท่ากัน สิ่งที่ทาง 3 Operator จะทำได้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องความพร้อมของเครือข่าย, Application, ความเร็วของการใช้ และการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้ iPhone ซึ่งทั้งหมดนี้ยังไม่น่าจะตอบโจทย์ลูกค้าได้ 100% และเป็นไปได้ที่ลูกค้าจะเลือกซื้อกับค่ายโทรศัพท์มือถือเดิม หรือเลือกอีกค่ายหนึ่งไปเลย มาดูกันว่าแต่ละค่ายนั้นมองอย่างไร และเชิญชวนลูกค้าอย่างไรว่าทำไมต้องเป็น iPhone จาก dtac, AIS หรือ TrueMove

Why Choose dtac ?
* 1) ด้วยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงที่ครอบคลุม พื้นที่มากกว่า
* 2) จัดสรรช่องสัญญาณสำหรับการรับส่งข้อมูลโดยเฉพาะ ซึ่งแยกช่องสัญญาณออกจากการใช้งานรับสายโทรออก ทั่วไป จึงสามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงสุด และมีความคงที่ในการรับส่งข้อมูล (dedicated data channel)
* 3) คุ้มค่าด้วยค่าบริการที่เหมาะสมกับทุกการใช้งาน
* 4) iPhone Buddy บริการดี ๆ ที่จะช่วยให้ข้อมูล ตอบคำถามและแนะนำ แอพพลิเคชั่นที่เหมาะกับคุณ

Why Choose AIS ?
* มั่นใจในเครือข่ายคุณภาพที่ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมการพัฒนาคุณภาพของเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ให้คุณเชื่อมต่อได้ทุกที่ ไม่พลาดในทุกการติดต่อสื่อสาร
* เทคโนโลยี EDGE plus ที่ช่วยให้คุณรับสายได้ขณะออนไลน์ด้วยมือถือ พร้อมความรวดเร็วในการ upload & download ข้อมูลที่เต็มประสิทธิภาพ
* บริการที่วางใจได้ตลอด 24 ชม. ผ่านทุกช่องทางของ AIS ทั้ง AIS Call Center และ AIS Website
* เต็มเต็มทุกความต้องการของคุณให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วยสิทธิพิเศษที่ให้คุณเลือกได้ไม่รู้จบ

Why Choose True Move?
* 1) Real Speed
ตัวจริง เร็วจริงกับ 3G จาก TrueMove ด้วยความเร็ว 7.2 Mbps.
* 2) Real Connect (3G+WiFi)
คุยแบบ FaceTime ได้จริงผ่าน WiFi ของ TrueMove มากกว่า 18,000 จุด
* 3) Real Fun
สนุกจริงกับ application หลากหลายตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ดาวน์โหลดฟรีเฉพาะลูกค้า TrueMove
* 4) Real Best Deal
ตัวจริง คุ้มค่ากับแพ็กเกจที่หลากหลายให้เลือกตามไลฟ์สไตล์ คุ้มสุดๆ กับ Unlimited Data Package ไม่จำกัดบริมาณข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ต ออนไลน์ได้ตลอดวัน หรือเลือกใช้แพ็คเกจให้เหมาะสมกับการใช้งาน
* 5) Real Service
รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ทุกคำถามมีคำตอบจาก IT Friend ผู้รอบรู้เรื่อง iPhone และเทคโนโลยีการสื่อสารล้ำๆ คอยให้บริการคุณที่ทรูช้อป

ส่วน blogger อย่างนายกาฝาก ก็ได้นั่งวิเคราะห์ไว้ว่า

DTAC
* แพ็กเกจ S นี่ไม่น่าใช้อย่างแรง ตั้ง 449 บาท/เดือน แม้จะโทรได้ 225 นาที แต่ต้องบอกก่อนว่า คุณซื้อ iPhone 4 มานะครับ สมาร์ทโฟนระดับนี้ อย่างน้อยก็ต้องเอามาเล่น Social Media ทั้ง Facebook และ Twitter ไหนจะมีกล้องระดับ 5 ล้านพิกเซลแล้ว อัพโหลดรูปกันกระจาย มี EDGE/GPRS ให้แค่ 100MB ไม่พอกินครับ (พิจารณาจากตัวผมเอง ใช้งานตกอยู่ที่ราวๆ เดือนละ 700MB ครับ)
* แพ็กเกจ M เป็นแพ็กเกจที่น่าใช้ เหมาะสำหรับคนโทรน้อย มีให้แค่ 250 นาที อย่าเผลอโทรคุยกับสาวเพลินล่ะ หมดไม่รู้ตัว (อย่าลืม ค่าโทรนาทีละ 1.5 บาทกันเลยทีเดียว) ข้อดีคือ SMS 300 คร้ง มี MMS 50 ครั้ง แต่ใครที่เล่น Twitter บ่อยๆ จะรู้ว่า ลืม SMS กะ MMS ไปเหอะ … และด้วยเหตุนี้ เลยมี EDGE มาให้แบบ Unlimited เลย
* แพ็กเกจ L เหมือน M ครับ แต่ว่าเพิ่มจำนวนนาทีให้เป็น 350 นาที และมี SMS กะ MMS เพิ่ม (ซึ่งก็อย่างที่บอก ใช้ Twitter แล้ว ลืม SMS กะ MMS ไปเหอะ)

สำหรับ DTAC แล้ว ผมว่าแพ็กเกจ M ดูจะมีความคุ้มค่ามากที่สุดแล้ว … อย่าลืมว่า แพ็กเกจพวกนี้ ไม่เหมาะสำหรับขาเมาท์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณเป็นขาเมาท์สุดๆ ละก็ เดือนละ 350 นาที (ตกวันละ 11 นาทีเท่านั้น) ยังไงๆ ก็ไม่พอ

true move
* แพ็กเกจ S สำหรับผู้หัดเดิน เหมาะสำหรับผู้ที่นิยมพก iPhone 4 ไว้ทำเป็น iPod Touch โก้ๆ เหมือนกับแพ็กเกจ S ของ DTAC เพียงแต่ไม่ใจป้ำให้เวลาโทร SMS และ MMS มาเยอะเท่าไหร่ แต่ให้ใช้ดาต้าทั้ง EDGE/GPRS 200MB กะ 3G 200MB เลยทีเดียว
* แพ็กเกจ M เอามาชนกับของ DTAC โดยเฉพาะ แต่ถูกกว่ากันบาทนึง และเพิ่ม 3G ให้อีก 500MB เฉือนเอาชนะกันมันตรงนี้แหละ
* แพ็กเกจ L อันนี้เอามาเกทับ แพ็กเกจ L ของ DTAC และ Max ของ AIS โดยเฉพาะ ด้วยค่าบริการที่อยู่กึ่งกลางระหว่างของทั้งสองค่าย แต่ให้จำนวนนาทีในการโทรใกล้เคียงกับ AIS ที่แพงกว่า 40 บาท แถมมี SMS กะ MMS เยอะกว่า และ 3G ให้อีก 1GB
* แพ็กเกจ Free Size อันนี้สำหรับลูกค้า iPhone 4 จากค่ายอื่น … บอกตรงๆ เอามาฆ่าแพ็กเกจ M ของทุกค่าย ไม่เว้นแม้แต่ค่ายตัวเอง จำนวนนาทีก็พอควร SMS MMS ก็เหลือๆ (ขอย้ำอีกครั้ง ใช้ Twitter แล้ว ลืม SMS กะ MMS ไปเหอะ) แถม 3G Unlimited อีกต่างหาก! … ที่ยังน่าห่วงคือ คำว่า “ตามนโยบายการการใช้งานรับส่งข้อมูลอย่างเหมาะสมของทรูมูฟ (Fair Usage Policy)”

สำหรับ true move ผมว่า ถ้าเคลียร์เรื่อง Fair Usage Policy ได้แล้ว แพ็กเกจ Free Size นี่เหมาะที่สุดแล้วครับ โดยเฉพาะหากคุณอยู่กรุงเทพฯ และบางพื้นที่ของชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต คุณจะได้ใช้ 3G เต็มพิกัดสบายๆ … เช่นเคย ช่างหัวเรื่องจำนวนนาทีไป เพราะเขาให้คุณใช้ดาต้า ไม่ใช่ Voice

AIS
* แพ็กเกจ Mini กระจุ๋มกระจิ๋มมาก ใกล้เคียงกับ แพ็กเกจ S ของ true move แต่ถูกกว่าพอสมควร ก็เหมาะกับผู้ที่นิยมพก iPhone 4 มาทำเป็น iPod Touch ดี
* แพ็กเกจ Medium เป็นแพ็กเกจที่ผมเห็นคนเขากล่าวขวัญถึงกันบนบอร์ดพันธุ์ทิพย์มาก ตอนที่เพิ่งประกาศใหม่ๆ เพราะแพงโฮก เมื่อเทียบกับแพ็กเกจ M ของ DTAC คือไปพลาดตรงที่ดันให้แค่ 500MB ในขณะที่ค่ายอื่นๆ ด้วยราคาประมาณนี้ (แพงกว่านิดหน่อย) เขาให้ Unlimited กันแล้ว … สำหรับใครที่เน้น Social Media อย่าง Twitter และ Facebook รวมไปถึงแชทกันบ้าง แต่ไม่เน้นอัพโหลดรูป และวิดีโอ 500MB ที่ให้ก็น่าจะอยู่ แถมประหยัดไปอีกเดือนละร่วม 70 บาทอ่ะนะ
* แพ็กเกจ Max แพงสุดในบรรดาสามค่าย และให้จำนวนาทีโทรเยอะสุด (มากกว่า true move อยู่ 50 นาที … แต่พอคิดเป็นเงินนาทีละ 1.5 บาทแล้ว ก็คือ พอๆ กับ true mov นั่นเองแหละวะ … 799 + 150 = 849 แพงกว่ากัน 10 บาทเอง เหอๆ) และแพ็กเกจนี้คือตัวเดียวที่ให้ EDGE/GPRS แบบ Unlimited ครับ

http://apptube.exteen.com/20101001/iphone-4
http://www.thaiware.com/news/news_detail.php?id=215&title=3%20%A4%E8%D2%C2%20%E0%A4%D2%D0%C3%D2%A4%D2%20IPhone4%20%A4%C3%BA%E1%C5%E9%C7

Tuesday, September 6, 2011

วิธีเลือกซื้อแท็บเล็ต ข้อควรคำนึงก่อนเลือกซื้อแท็บเล็ต (Tablet)

วิธีเลือกซื้อแท็บเล็ต ข้อควรคำนึงก่อนเลือกซื้อแท็บเล็ต (Tablet) วิธีเลือกซื้อแท็บเล็ต ข้อควรคำนึงก่อนเลือกซื้อแท็บเล็ต (Tablet)
วิธีเลือกซื้อแท็บเล็ต ข้อควรคำนึงก่อนเลือกซื้อแท็บเล็ต (Tablet) เนื่องจากในปีนี้เริ่มจะมีแท็บเล็ตออกมาให้เลือกซื้อกันหลายรุ่นหลายยี่ห้อมากขึ้น ทางเว็บ TabletD เลยจะมาแนะนำเทคนิคและวิธีการเลือกซื้อแท็บเล็ตที่่ออกวางจำหน่ายในตลาดบ้านเราแล้วให้ได้ทราบกันเผื่อว่าอาจจะมีประโยชน์ให้กับใครที่กำลังสนใจ และตัดสินใจที่จะเลือกซื้อแท็บเล็ตมาใช้งานสักตัว แต่ยังเลือกไม่ถูกหรือไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไร

1. ระบบปฏิบัติการ สิ่งแรกที่เราต้องรู้จักและทำความเข้าใจก็คือระบบปฏิบัติการ หลายคนอาจจะงงๆว่าระบบปฏิบัติการคืออะไร ?? ถ้าให้ผมอธิบายคร่าวๆมันก็คือ "โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางสำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้งานและตัวเครื่อง" งงไหมครับ ?? ถ้างงผมยกตัวอย่างระบบปฏิบัติการที่หลายคนใช้กันอยู่เป็นประจำแล้วกัน นั่นก็คือ Windows ซึ่ง Windows XP, Vista, 7 ต่างๆเหล่านี้ถือเป็นระบบปฏิบัติการตัวนึง และแท็บเล็ตก็จำเป็นที่ต้องมีระบบปฏิบัติการไว้สำหรับใช้งาน ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็จะมีระบบปฏิบัติการหลักๆอยู่ 4 ตัวในตลาดได้แก่

iOS ระบบปฏิบัติการจากค่าย Apple ซึ่งแท็บเล็ตที่ใช้อยู่ก็คือ iPad นั่นเอง และถ้าให้พูดถึงจุดเด่นของ iOS แล้วละก็คงจะเป็นที่ความลื่นไหล ระบบการทำงานและจัดการหน่วยความจำที่ดี เพราะถึงแม้ iPad 2 จะมีหน่วยความจำแรมเพียงแค่ 512MB แต่การทำงานกลับลื่นไหลไม่ต่างจากแท็บเล็ตตัวอื่นๆที่มีหน่วยความจำมากกว่า ส่วนข้อด้อยเป็นระบบปฏิบัติการตัวเดียวที่ไม่รองรับ Flash (ไม่สามารถแสดงผลได้) และการเชื่อมต่อที่ต้องทำผ่านซอฟท์แวร์ iTune เท่านั้น

Android ระบบปฏิบัติการจากค่าย Google เดิมทีทาง Google ได้พัฒนาขึ้นมาใช้สำหรับมือถือสมาร์ทโฟนซึ่งก็มีบางค่ายได้นำไปปรับปรุงแล้วใส่ในแท็บเล็ต ตัวอย่างเช่น Samsung Galaxy Tab รุ่นแรกโดยตัวระบบปฏิบัติการที่ใช้นั่นจะเป็น Android Froyo ต่อมาทาง Google ถึงได้พัฒนาระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่นใหม่ให้รองรับแท็บเล็ตที่มีหน้าจอขนาดใหญ่กว่ามือถือสมาร์ทโฟนโดยตั้งชื่อมันว่า Honeycomb ซึ่งจะมีหลายเวอร์ชั่นด้วยกันดังนี้
3.0 - เป็นเวอร์ชั่นแรกที่ออกมาสำหรับแท็บเล็ตโดยเฉพาะ การทำงานโดยรวมทั้งความเร็วและความลื่นเมื่อเทียบกับ iOS แล้วยังสู้ไม่ได้ แต่จะได้เปรียบและดีกว่า iOS ตรงรองรับ Flash และส่วนการเชื่อมต่อที่ทำได้ง่ายเพียงแค่เสียบเข้ากับเครื่องคอมก็จะมองเห็นเป็นอุปกรณ์อีกตัวนึงสามารถทำงาน copy, paste, delete ไฟล์ต่างๆได้สะดวก
3.1 - มีการปรับปรุงจากเวอร์ชั่น 3.0 ในด้านความเร็วในการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อและโอนถ่ายข้อมูลผ่านช่อง USB
3.2 - เพิ่มโหมดการแสดงผลสำหรับแอพพลิเคชั่นบนมือถือให้สามารถแสดงผลบนแท็บเล็ตได้อย่างถูกต้อง และปรับปรุงให้รองรับกับแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว

Windows ระบบปฏิบัติการจากค่าย Microsoft หลายคนอาจจะชินและคุ้นเคยกับการใช้งาน Windows เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยิ่งหน้าจอเป็นแบบสัมผัสอีกด้วยก็ช่วยให้แท็บเล็ตน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามตัว Windows 7 นั้นยังคงไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้สำหรับแท็บเล็ต บางส่วนจึงอาจจะเล็กเกินไปที่จะใช้นิ้วสัมผัสได้ นอกจากนี้ระยะเวลาการใช้งานก็ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับ iOS, Android และ BlackBerry Tablet OS

BlackBerry Tablet OS ระบบปฏิบัติการจากค่าย RIM เจ้าของมือถือสมาร์ทโฟน BB นั่นเอง โดยระบบปฏิบัติการตัวนี้จะพัฒนามาสำหรับ PlayBook โดยเฉพาะ การทำงานโดยรวมก็ถือได้ว่าลื่นไหลไม่แพ้ iOS นอกจากนี้ยังออกแบบการใช้งานโดยวิธีการสัมผัสต่างๆช่วยให้ใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น จุดเด่นอีกอย่างก็คือการทำงานของ Multitasking หรือเปิดแอพพลิเคชั่นหลายตัวพร้อมกันสามารถทำได้ดีกว่าระบบปฏิบัติการตัวอื่นๆ หรือเทียบเท่า Windows ได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม PlayBook จำเป็นจะต้องมีมือถือ BB ถึงจะสามารถใช้งานส่วน เช็คอีเมลล์, รายชื่อ, ปฏิทิน, BBM ได้ และยังไม่รองรับภาษาไทยอีกด้วย

2. ขนาดหน้าจอ แท็บเล็ตในท้องตลาด ณ ตอนนี้มีหลายขนาดให้เลือกซื้อ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานหรือความชอบของแต่ละคน โดยผมจะขอแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ดังต่อไปนี้ คือ
7 นิ้ว - ขนาดไม่ใหญ่มากพกพาสะดวกเหมือนกับเราพกพ็อกเก็ตบุ๊คสักหนึ่งเล่ม
10 นิ้ว - จอใหญ่แสดงผลได้เยอะแต่ขนาดและน้ำหนักก็จะใหญ่และสูงตามไปด้วย

3. น้ำหนัก ถือเป็นปัจจัยหลักที่ต้องคำนึงถึงเนื่องจากโดยทั่วไปแล้วเรามักจะถือใช้งานเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผมได้สัมผัสมาหลายตัวบอกได้เลยว่าตัวที่มีน้ำหนักประมาณ 700 กรัมจะถือได้ไม่นานเท่าไรนัก และยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงแล้วละก็คงจะถือไม่ไหวอย่างแน่นอนต้องอาศัยการวางบนโต๊ะสลับกับถือเป็นระยะๆแทน หรืออีกวิธีก็คือวางบนตักคงพอใช้งานได้นานขึ้นอีกนิด

4. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แท็บเล็ตส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็น 2 รุ่นกว้างๆได้แก่ WiFi และ 3G + WiFi การเลือกซื้อเราต้องดูลักษณะการใช้งานของตัวเราเอง

ถ้าเราใช้เฉพาะในบ้านหรือในอาคารเสียเป็นส่วนใหญ่รุ่น WiFi อย่างเดียวก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้วเพราะราคาจะไม่สูงมากสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่าย WiFi ภายในบ้านหรือตามสถานที่ต่างๆได้
แต่ถ้าในกรณีที่เราออกข้างนอกบ่อยๆหรือใช้ชีวิตบนรถมากกว่าอยู่ในบ้านคงต้องเป็นรุ่น 3G + WiFi เพราะ 3G จะมีสัญญาณที่ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า (ณ ปัจจุบันอาจจะรองรับเฉพาะในกรุงเทพ) แต่ราคาก็จะสูงกว่ารุ่น WiFi อย่างเดียวประมาณ 2 - 3 พันบาท
หรืออีกกรณีถ้าใครมี MiFi อยู่แล้ว (อุปกรณ์สำหรับกระจายสัญญาณ WiFi โดยเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 3G ราคาตัวอุปกรณ์ตกประมาณ 3 - 4 พันบาท) ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อรุ่น 3G + WiFi ก็ได้ซื้อรุ่น WiFi อย่างเดียวก็เพียงพอ แต่ถ้าใครไม่มี MiFi และไม่อยากจะซื้อรุ่น 3G + WiFi ยังมีอีกตัวเลือกก็คือ AirCard เนื่องจากตัวอุปกรณ์มีราคาไม่สูงเพียง 1 - 2 พันบาท แต่ก็จะใช้ได้เพียงแท็บเล็ตที่รันระบบปฏิบัติการ Windows เท่านั้นระบบปฏิบัติการอื่นๆยังคงไม่รองรับ

5. ความจุ ในที่นี้ก็คือพื้นที่เก็บข้อมูลภายในหรือบางที่ก็เรียกว่าหน่วยความจำ มีให้เลือกด้วยกันหลายรุ่นหลายขนาดได้แก่ 16GB/32GB/64GB แต่ราคาก็จะสูงขึ้นไปเรื่อยๆรุ่นละ 2-3 พันบาท การเลือกซื้อส่วนใหญ่ไฟล์ที่กินพื้นที่มักจะเป็นไฟล์หนังซึ่งเรื่องนึงก็กินไป 1 - 2GB แล้ว ถ้าใครไม่เก็บไฟล์หนังไว้บนเครื่องเพียงแค่เก็บไฟล์เพลง รูป + แอพพลิเคชั่นนิดหน่อยขนาด 16GB ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่ถ้าใครไม่ต้องการมานั่งลบบ่อยๆและมีงบประมาณระดับนึงก็ให้เลือกขนาดความจุที่สูงๆเข้าไว้ครับ

อย่างไรก็ตามแท็บเล็ตบางรุ่นจะมีส่วนเก็บข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาหลายรูปแบบซึ่งก็ถือเป็นตัวที่ต้องคำนึงถึงด้วยเหมือนกันเพราะเราไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อความจุเยอะๆ แต่อาศัยเก็บข้อมูลที่อื่นแทน ตัวอย่างเช่น

ถ้าเครื่องไหนที่มีช่องเสียบการ์ด microSD จะได้เปรียบเพราะสามารถไปเก็บข้อมูลในการ์ดแทนได้
อีกวิธีที่ช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้งานก็คือบริการ cloud หรือกลุ่มเมฆซึ่งเราสามารถนำไฟล์ไปฝากไว้ที่บริการนี้ได้โดยไม่ต้องเก็บไว้ในเครื่อง (ตอนนี้มีเพียง ASUS Eee Pad Transformer เท่านั้นที่มีบริการนี้ให้ใช้งานฟรีในช่วงแรก)
Clear.fi เป็นเทคโนโลยีที่มีเฉพาะแท็บเล็ตของ Acer เท่านั้นโดย Clear.fi จะช่วยให้เราสามารถเล่นไฟล์เพลง, ดูไฟล์หนังและดูรูปโดยที่ไม่ต้องเก็บไฟล์เหล่านั้นลงบนเครื่องเลย เพียงแต่อ่านไฟล์จากเครื่องอื่นผ่านเครือข่าย WiFi แทนและเป็นแบบ Streaming ด้วยไม่ต้องรอก็อปปี้ไฟล์

6. ช่องเสียบ สำหรับ iPad นั้นจะไม่มีช่องเสียบใดๆติดมากับตัวเครื่องต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมถึงจะสามารถใช้งานได้ แต่สำหรับแท็บเล็ต Android และ Windows ส่วนมากจะมีช่องเสียบเพิ่มเติมติดมากับตัวเครื่องเลยทำให้เราไม่จำเป็นจะต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมใดๆก็ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนหนึ่ง สำหรับช่องเสียบต่างๆบนแท็บเล็ตนั้นมีดังต่อไปนี้

USB / Mini USB / micro USB - สำหรับเสียบ Flash Drive, External Harddisk, เม้าส์, คีย์บอร์ด
HDMI / mini HDMI / micro HDMI - เอาไว้ต่อเอาภาพจากแท็บเล็ตออกจอทีวี
SD / SDHC / microSD - กล้องดิจิตอลหรือกล้องวีดีโอส่วนมากจะใช้การ์ด SDHC หรือ SD ซึ่งเราก็สามารถจะนำไปเสียบเข้ากับแท็บเล็ตที่มีช่องเหล่านี้เพื่อทำการโอนถ่ายข้อมูลได้ทันที หรือถ้าเครื่องไหนมีช่องเสียบ microSD ก็สามารถใช้เพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลต่างๆได้มากกว่าความจุที่มีอยู่ในเครื่อง

7. แอพพลิเคชั่น เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มมิติและประโยชน์ในการใช้งานของแท็บเล็ต ถ้าให้เรียงลำดับตามแอพพลิเคชั่นที่ใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดผมให้แท็บเล็ตที่รันระบบปฏิบัติการ Windows มาเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ iOS, Android และ BlackBerry Tablet OS

8. ลูกเล่นเพิ่มเติม เนื่องจากหลายๆบริษัทต้องการสร้างความแตกต่างให้กับแท็บเล็ตของตัวเอง บางบริษัทจึงได้มีการเพิ่มเติมฟีเจอร์และลูกเล่นต่างๆให้แตกต่างจากค่ายอื่นๆ ดังเช่น

ฮาร์ดแวร์
คีย์บอร์ด Dock สำหรับแปล่งร่างเป็นเน็ตบุ๊คของ ASUS Eee Pad Transformer
คีย์บอร์ด Dock สำหรับแปล่งร่างเป็นเน็ตบุ๊คของ Acer Iconia Tab W500, W501
ปากกา Magic Pen ของ HTC Flyer
กล้องถ่ายภาพ 3 มิติ ของ LG Optimus Pad

ซอฟท์แวร์
TouchWiz UX ใน Samsung Galaxy Tab 10.1
Clear.fi ใน Acer Iconia Tab A500, A501, W500, W501
โทรได้ Samsung Galaxy Tab รุ่นแรก

9. ราคา ข้อนี้สำหรับผมถือเป็นปัจจัยหลักครับ ตามความคิดของผมยังมองว่าแท็บเล็ตเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์น้อยกว่าโน๊ตบุ๊ค ซึ่งถ้าราคาสูงเกินไปก็ดูจะสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ และช่วงนี้ยังเป็นช่วงเริ่มต้นและทดลองตลาดกันเสียมากกว่าราคาส่วนใหญ่ยังคงสูงอยู่ แต่ถ้าใครตัดสินใจที่อยากจะได้สักตัวมาไว้ใช้งานก็ควรจะเลือกซื้อตัวที่ราคาไม่สูงจนเกินไป

สรุป
วิธีเลือกซื้อแท็บเล็ต ข้อควรคำนึงก่อนเลือกซื้อแท็บเล็ต (Tablet) แท็บเล็ตไม่ใช่สิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของเรา การจะซื้อแท็บเล็ตสักตัวอยากให้คำนึงถึงประโยชน์ที่เราจะได้จากมันหรือง่ายๆคือซื้อมาแล้วได้ใช้งานไม่ต้องแปรสภาพไปเป็นที่ทับกระดาษ แต่ถ้าคิดแล้วไม่มีหรือซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้อะไร ผมแนะนำว่าอย่าเพิ่งซื้อจะดีกว่าครับเพราะแท็บเล็ตตัวนึงราคาไม่ถือว่าถูก ควรจะซื้อเมื่อเราต้องใช้งาน แท็บเล็ตถึงจะมีประโยชน์มากที่สุด

รวบรวมและเรียบเรียงโดย TabletD.com
http://www.tabletd.com/articles/1868

Sunday, September 4, 2011

เปิดตัว Samsung Galaxy S Wi-Fi 3.6 ปะทะ iPod Touch 5G

Samsung Galaxy S Wi-Fi 3.6
www.webthaiday.com/index.php? option=com_content...id...
iPod Touch 5G อยู่เฉยได้ไหมหลัง Samsung Galaxy S Wi-Fi 3.6 เปิดตัวทางการแล้ว! ดูท่าว่าศึกใหญ่ในวงการเครื่องเล่นเพื่อความบันเทิงแบบพกพาหรือ ... เปิดตัว Samsung Galaxy S Wi-Fi 3.6 ปะทะ iPod Touch 5G

เปิดตัว Samsung Galaxy S Wi-Fi 3.6 ปะทะ iPod Touch 5G ดูท่าว่าศึกใหญ่ในวงการเครื่องเล่นเพื่อความบันเทิงแบบพกพาหรือ Portable Media Player จะกลับมาทวีความเข้มข้นอีกครั้งหลังจากที่ทั้ง 2 ค่ายผู้ผลิตยักษ์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็น Apple และ Samsung มัวแต่ไปตีกันในฝั่งสมาร์ตโฟน (iPhone 5 vs. Samsung Galaxy S II) และแทบเลต (iPad 2 vs. Samsung Galaxy Tab 10.1) อยู่เสียนานสองนาน หลังจากที่ล่าสุด Samsung ได้ประกาศเปิดตัว Samsung Galaxy S Wi-Fi 3.6 ออกมาท้าชน iPod Touch 5G อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
เปิดตัว Samsung Galaxy S Wi-Fi 3.6 ปะทะ iPod Touch 5G เปิดตัว Samsung Galaxy S Wi-Fi 3.6 ปะทะ iPod Touch 5G
สำหรับดีไซน์ภายนอกของ Samsung Galaxy S Wi-Fi 3.6 จะหันมาเลือกใช้งานหน้าจอ LCD ขนาด 3.65 นิ้วแทนแบบ AMOLED อย่างที่เห็นกันในรุ่น Wi-Fi 4.0 และ 5.0 โดยตัวเครื่องจะยังใช้งานปุ่ม Home ตรงกลางแบบเดิมคล้ายๆกับใน iPod Touch นั่นเอง

ขณะเดียวกันภายในเครื่องของ Samsung Galaxy S Wi-Fi 3.6 จะมาพร้อมกับซีพียูแบบ Single Core ความเร็ว 1GHz, กล้องหน้า VGA, กล้องหลัง 3 ล้านพิกเซล, ระบบปฏิบัติการ Android 2.3 Gingerbread พร้อม TouchWiz UI รวมถึงหน่วยความจำภายในเครื่องที่ 8GB และ 16GB ที่ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มเติมได้ผ่าน microSD Card ได้อีกด้วย
เปิดตัว Samsung Galaxy S Wi-Fi 3.6 ปะทะ iPod Touch 5G เปิดตัว Samsung Galaxy S Wi-Fi 3.6 ปะทะ iPod Touch 5G
ในส่วนของกำหนดการวางจำหน่าย Samsung Galaxy S Wi-Fi 3.6 จะอยู่ในเดือนตุลาคมนี้ด้วยราคาประมาณ $242 (7,260 บาท) สำหรับ Samsung Galaxy S Wi-Fi 3.6 รุ่นความจุ 8GB และ $274 (8,220 บาท) สำหรับ Samsung Galaxy S Wi-Fi 3.6 รุ่นความจุ 16GB ตามลำดับ

ขณะเดียวกันสำหรับ iPod Touch 5G จาก Apple นั้นก็น่าที่จะได้รับการเปิดตัวในช่วงเวลาใกล้เคียงกันโดยอาจจะมาพร้อมกับซี พียูแบบ Dual Core เหมือนใน iPad 2, หน่วยความจำภายใน 128GB และรุ่นสีขาวให้เลือกซื้อด้วย

บทความโดย: ekk TechXcite ที่มา: samsung
http://hitech.sanook.com/samsung-galaxy-s-wi-fi-3.6-เปิดตัวทางการแล้ว-941113.html

Thursday, September 1, 2011

เปรียบเทียบ iPhone 4 ปะทะ Samsung Galaxy S2

เปรียบเทียบ iPhone 4 ปะทะ Samsung Galaxy S2 เปรียบเทียบ iPhone 4 ปะทะ Samsung Galaxy S2
เปรียบเทียบ iPhone 4 ปะทะ Samsung Galaxy S2 เมื่อ iPhone 4 Smartphone รุ่นที่ยอดเยี่ยม ต้องมาเจอกับ Samsung Galaxy S2 น้องใหม่ไฟแรงที่กำลังจะขึ้นแท่นมาชิงบัลลังก์เจ้าแห่ง Smartphone ในปีนี้ ก็เกิดคำถามขึ้นว่า ใครน่าสนใจกว่ากันนะ?? ราคาก็พอๆ กัน วันนี้ทางเว็บ PocketNow ได้นำสุดยอด Smartphone ทั้ง 2 ตัวมาเทียบกันให้ดูด้วยแล้ว

แน่นอนคุณภาพของ Smartphone ทั้งตัวนั้นสูงมากๆ กันทั้งคู่ แค่ชื่อชั้นก็ Samsung กับ Apple คงไม่มีใครปฏิเสธหรอกว่าคู่นี้เค้าเจ๋งแค่ไหน ตัวเครื่องของ iPhone 4 ทำจากโลหะและกระจก ได้ข้อดีในเรื่องของความแข็งแรงไป ส่วนฝั่ง Galaxy S2 เป็นกระจกเช่นกัน แต่มีตัวเครื่องเป็นพลาสติก ได้ข้อดีในเรื่องของความสวยงาม น่าใช้ และถือจับได้ง่าย ถึงตัวเครื่องจะเป็นพลาสติก แต่มันก็เป็นพลาสติกที่แข็งแรงทนทานพอควรเหมือนกันนะ



จอของทั้งคู่นั้นแตกต่างกัน iPhone 4 มีจอขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 960 x 640 และมีความหนาแน่นของ Pixel 326 Pixel ต่อตารางนิ้ว ส่วนจอของ Galaxy S2 มีขนาดใหญ่กว่าที่ 4.3 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 800 x 480 ความหนาแน่นของ Pixel 217 Pixel ต่อตารางนิ้ว Galaxy S2 ความหนาแน่นของ Pixel น้อยกว่า แต่ได้ความสว่างของจอ Super Amoled Plus มาช่วย จึงทำให้จอดูมีประสิทธิภาพมากกว่า

iPhone 4 มีกล้องคุณภาพสูง ความละเอียดอยู่ที่ 5 MPixel และวีดีโอความละเอียด 720P แต่ Galaxy S2 มาแรงกว่า กระโดดขึ้นไปใช้กล้องความละเอียด 8 MPixel และวีดีโอความละเอียด 1080P ไปแล้ว ขณะที่กล้องหน้าของ Galaxy S2 เป็นกล้องความละเอียดสูง แบบว่าเพื่อนสามารถมองเห็นสิวบนหน้าเราได้เลยเวลาคุยโทรศัพท์ที่ 2 MPixel ส่วนกล้องหน้าของ iPhone ยังเป็น VGA อยู่เท่านั้น เรื่องนี้คงเทียบกันไม่ได้หรอก ก็ iPhone 4 ออกมาจะครบปีแล้วนี่

เปรียบเทียบ iPhone 4 ปะทะ Samsung Galaxy S2 เรื่อง Software นั้น ก็เทียบกันไม่ได้หรอก ก็ทั้งคู่มีข้อดีข้อเสียต่างๆ กันไป ใครชอบอันไหนก็ไปค่ายอันนั้น อันนี้ไม่ขอเอี่ยวด้วย แต่หากตอนนี้ใครยังลังเลที่จะซื้อ iPhone 4 หรือว่า Galaxy S2 อยู่ล่ะก็ ลองมาดูวีดีโอนี้กันครับ แล้วจะรู้แน่ ว่าใครกันแน่ที่เหนือกว่า

http://www.thaidroidupdate.com/archives/6330
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...